blogger ของนายศราวุธ กองทอง สวัสดีครับ (ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยี่ยมชม)

ความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ

ความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ

1. ความสัมพันธ์สิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ (Physical Factors) ได้แก่
     1.1 อุณหภูมิ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการจำศีลและอพยพของสัตว์หลายชนิด
     1.2 น้ำและความชื้น เป็นส่วนประกอบหลักของสิ่งมีชีวิต และจำเป็นต่อการดำรงชีวิต 
     1.3 แสงสว่าง เป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการสร้างอาหาร
     1.4 ความเป็นกรด-เบส มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต

2. ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมทางชีวภาพ
    สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแหล่งที่อยู่เดียวกันทำให้เกิดการอยู่ร่วมกัน เรียกว่า ภาวะซิมไบโอซิส(Symbiosis) สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างก็มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน โดยมีผลรวมของความสัมพันธ์ 3 แบบ คือ – เมื่อเสียประโยชน์ + เมื่อได้รับประโยชน์ 0 เมื่อไม่ได้รับหรือเสียประโยชน์ ซึ่งสามารถแบ่งแบบของความสัมพันธ์ได้หลายแบบดังนี้


1. ภาวะเป็นกลาง (Neutralism) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีผลอะไรต่อกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ได้รับประโยชน์และไม่เสียประโยชน์ เช่น ต้นไม้ใหญ่กับไส้เดือนดิน กระต่ายและนกฮูกที่อาศัยอยู่ในป่า เป็นต้น
ภาพที่ 10 ภาวะเป็นกลาง (ต้นไม้:นก)
2. ภาวะการแข่งขัน (Competition -/-) สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกันมีความต้องการปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน และปัจจัยนั้นมีจำกัดหรือต่างแข่งขันกันเพื่อแสวงหาปัจจัยที่ต้องการในการดำรงชีพ โดยต่างฝ่ายต่างเสียประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ เช่น ต้นไม้ที่ปลูกรวมอยู่ในเนื้อที่จำกัดพยายามเจริญสูงขึ้นเพื่อรับแสงแดด ฝูงปลาแย่งกันตะครุบเหยื่อ สุนัขแย่งกินอาหาร เป็นต้น โดยทั่วไปการแข่งขันระหว่างสิ่งมีชีวิตเดียวกันมักจะรุนแรงมากกว่าระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างชนิด
ภาพที่ 11 ภาวะการแข่งขัน (ปลาแย่งอาหารกัน)
3. ภาวะอะเมนลิซึม (Amenlism 0/-) ภาวะที่ฝ่ายหนึ่งไม่ได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ เช่น ต้นไม้ใหญ่บังแสงต้นไม้เล็ก ทำให้ต้นไม้เล็กไม่เจริญขณะที่ต้นไม้ใหญ่ไม่ได้รับหรือเสียประโยชน์แต่อย่างใด
ภาพที่ 12 ภาวะอะเมนลิซึม (ต้นไม้ใหญ่:ต้นไม้เล็ก)
4. ภาวะการล่าเหยื่อ (Predation +/-) ความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ล่า (Predator)ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ถูกล่า หรือเหยื่อ เช่น นกกินแมลง งูกินกบ เสือชีต้าล่ากวางกินเป็นอาหาร
ภาพที่ 13 ภาวะการล่าเหยื่อ (นก:ปลา)
5. ภาวะอิงอาศัย หรือภาวะมีการเกื้อกูล (Commensalism +/0) ความสัมพันธ์แบบนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด เช่น เหาฉลามเป็นปลาชนิดหนึ่งที่มีอวัยวะสำหรับดูดเกาะติดปลาฉลาม อาศัยกินเศษอาหารจากปลาฉลาม โดยไม่ได้ดูดเลือดหรือทำอันตรายใดๆ แก่ปลาฉลาม เฟิร์นกับต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเฟิร์นเป็นต้นไม้ใหญ่ที่อาศัยบนต้นไม้อื่น แต่ไม่เบียดเบียนต้นไม้อื่น เพียงแต่อาศัยร่มเงาและความชื้น เพื่อการดำรงชีวิต
ภาพที่ 14 ภาวะอิงอาศัย (ฉลาม:เหาฉลาม)
6. ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน (Protocooperation +/+) ความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์และอยู่แยกกันได้ เช่นในธรรมชาติเราอาจเห็นเถาวัลย์ พลูด่าง เฟิร์น กล้วยไม้เจริญอยู่บนลำต้นและกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ ลักษณะการเกาะของพืชพวกนี้จะอยู่บริเวณผิวของเปลือกต้นไม้ ไม่ได้มีการเบียดเบียนอาหารจากต้นไม้ใหญ่แต่อย่างใด ใช้ต้นไม้ใหญ่ได้ความชื้นจากต้นไม้ที่มาขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่เหล่านั้น
มดดำกับเพลี้ยอ่อน ซึ่งมดดำจะดูดน้ำเลี้ยง (อาหาร) จากเพลี้ยอ่อนทางทวารหนักและคาบเพลี้ยอ่อนไปวางตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาแหล่งดูดน้ำเลี้ยงต่อไป ซึ่งทำให้เพลี้ยอ่อนได้แหล่งอาหาร ใหม่ ๆ
นกเอี้ยงที่อาศัยกินแมลงบนผิวหนังควายเป็นอาหาร เนื่องจากความได้ประโยชน์จากการที่นกช่วยลดจำนวนแมลงที่เป็นปรสิตของควาย จัดเป็นความสัมพันธ์แบบการได้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างควายกับนกเอี้ยง

ภาพที่ 15 ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน (ควาย:นกเอี้ยง)
7. ภาวะพึ่งพากัน (Mutualism +/+) ความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์และอยู่แยกกันไม่ได้ เช่น ไลเคน(Lichen) เป็นสิ่งมีชีวิตสองชนิด คือ รากับสาหร่ายพบตามเปลือกต้นไม้ชนาดใหญ่ การอยู่ร่วมกันนี้ทั้งสาหร่ายและราต่างได้รับประโยชน์ กล่าวคือสาหร่ายสร้างอาหารได้เองแต่ต้องอาศัยความชื้นจากรา ส่วนราก็ได้อาศัยดูดอาหารที่สาหร่ายสร้างขึ้น ต่อไทรกับลูกไทร ต่อไทรเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดอกไทร มีลักษณะพิเศษที่อัดตัวกันแน่นจนมองคล้ายลูกไทร ภายในลูกไทรมีทั้งดอกตัวเมีย ดอกตัวผู้ และ ดอกกัล ซึ่งเป็นดอกที่ตัวต่อไทรเข้าไปอาศัยอยู่ ต่อไทรจะทำหน้าที่ผสมเกสรให้โดยบินออกจากลูกหนึ่งไปผสมยังอีกลูกหนึ่ง ทำให้ต้นไทรยังคงสืบพันธุ์ต่อได้ ต่อไทรจะอาศัยในลูกไทรตลอดชีวิตวนเวียน เป็นวัฏจักรตลอดไป
ภาพที่ 16 ภาวะพึ่งพากัน (รา:สาหร่าย)
8. ภาวะปรสิต (Paratism +/-) ร่างกายของสิ่งมีชีวิตสามารถเป็นแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่ดำรงชีพแบบปรสิต ผู้ถูกอาศัย (Host) จะเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ส่วนผู้ที่ไปอาศัย คือ ปรสิต (Parasite) จะเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์เนื่องจากปรสิตจะคอยแย่งอาหาร หรือกินส่วนของร่างกายผู้ถูกอาศัย
ปรสิตแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ 

ภาพที่ 17 ภาวะปรสิต (กาฝาก:ต้นไม้ใหญ่)
8.1 ปรสิตภายใน (Endoparasite) คือ ปรสิตที่อาศัยอยู่และหาอาหารอยู่ภายในร่างกายของผู้ถูกอาศัย เช่น พยาธิตัวตืด พยาธิใบไม้ พยาธิตัวกลมเป็นปรสิตภายในของมนุษย์
8.2 ปรสิตภายนอก (Ectoparasite) คือ ปรสิตที่อาศัยและเกาะดินอยู่ภายนอกร่างกายของผู้ถูกอาศัย เช่น เหา ยุง เป็นปรสิตภายนอกของมนุษย์นอกจากนี้ยังมี กาฝากกับต้นไม้ใหญ่ ซึ่งกาฝากเป็นพืชที่อาศัยบนต้นไม้อื่น โดยไชชอนรากเข้าไปดูดน้ำเลี้ยงจากต้นไม้ที่อาศัยอยู่ ความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่งของเห็ด รา และแบคทีเรียอาศัยซากสิ่งมีชีวิตโดยการหลั่งเอนไซม์ออกมานอกเซลล์ (Exoenzyme) เพื่อย่อยสลายซากเหล่านั้น แล้วจึงดูดซึมสารที่ได้จากการย่อยเข้าสู่เซลล์ในรูปของเหลว สิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตเช่นนี้เรียกว่า ผู้ย่อยสลาย (Decomposer)
9. ภาวะมีการหลั่งสารห้ามการเจริญ (Antibiosis 0/-) เป็นภาวะที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งหลั่งสารออกมานอกเซลล์ แล้วสารนั้นไปมีผลต่อการ เจริญเติบโต หรือการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เช่น ราเพนิซิลเลียม (Penicillium) สร้างสารเพนิซิลเลียมไม่ได้รับหรือเสียประโยชน์ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Microcystis sp.) หลั่งสารเคมีชื่อไฮดรอกซิลเอมีน (Hydroxylamine) ลงสู่น้ำในบ่อ มีผลทำให้สัตว์ที่ดื่มน้ำนั้นตาย
ภาพที่ 17 ภาวะมีการหลั่งสารห้ามการเจริญเติบโต (สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน:สัตว์น้ำ)